คำทำนายดวงเมืองประเทศไทย
จากเว็บนวกาพรหม
จากเว็บนวกาพรหม
กาดำดื่มน้ำตะโก พึ่งพักฟังบนป่ายี่โถ กาดำรู้นาดี จะเปลี่ยนสีเป็นกาขาวชาวอริยะ ภายหลังประเทศสยามเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 เวลา 09.00 น. ลัคนาราศีกรกฎ จะแบ่งยุคบ้านเมือง ออกเป็น 10 ยุค ยุคละ 10 ปี ดังนี้
1.พ.ศ.2482 - 2492 ยุคกาลี 2.พ.ศ.2492 - 2502 ยุคมิตรมาเยือน 3.พ.ศ.2502 - 2512 ยุคเฉือนดินแดน 4.พ.ศ.2512 - 2522 ยุคแสนแค้นกลางเขาควาย 5.พ.ศ.2522 - 2532 ยุคลายเสือครองเมือง 6.พ.ศ.2532 - 2542 ยุคฟูเฟื่องชาวสังคม 7.พ.ศ.2542 - 2552 ยุคชมบุญทรราชย์ 8.พ.ศ.2552 - 2562 ยุคชาติวิปโยค 9.พ.ศ.2562 - 2572 ยุคโรคคลาย 10.พ.ศ.2572 - 2582 ยุคหายกังวล
ปลาย ปีจอ พ.ศ. 2549 ยามเดือนแรมไปแล้ว ฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย เช่น ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไฟและน้ำ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผเบิ่งไผ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว - เมียบ่เห็นหน้ากัน ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ้งไร่ทุ่งนา ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ เมืองกรุง ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกขัดแย้งบ่แล้ว
คำทำนายปลายรัชกาลที่ 9
คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา ประเทศ ชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาจนเต็มพระนคร ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชา จะปิติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร ข้าราชการตงฉินถูกประนาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้ เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
ประชา ชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้า เป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์ จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้ จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ
สำหรับประเทศไทย ในส่วนของบาปศักดิ์สิทธิ์ลงโทษเป็นกรรมที่กำลังให้ผลอยู่ ไม่อาจลบล้างได้ มันจะต้องให้ผลสืบไปจนสุดกำลังของมัน สามารถทอนจากหนักเป็นเบา คือ อ่อนกำลังลง ด้วยบุญขั้นสูงคือ ฌานสมาบัติ ดวงเมืองรัตนจักรียุค 9 ปลายยุค จะมีการพยายามทำลายล้มมิให้เข้าสู่ยุคศรีวิไล ความเจริญแห่งแผ่นดินก่อเกิดความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ความสันติสุขร่มเย็น ภายใต้ร่มโพธิ์เงิน – ไทรทอง การวางแผนซ้อนหลักเมืองสับเปลี่ยนเสาสันติ ทำให้แผ่นดินเดือดร้อน และดับดาวเจ้าของยุคชาวศรีวิไลโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดาวโพธิสัตว์สาย “สันติ” ที่จะเป็นผู้เชื่อมรัตนจักรยุคที่ 9 ต่อเนื่องยุคที่ 10 ชาวศรีวิไล
ยัง ผลให้ศาสนจักร อาณาจักร และสถาบันกฎหมาย แตกความสามัคคี ความเดือดร้อนบังเกิดขึ้นทุกหมู่เหล่า ประวัติศาสตร์จักซ้ำรอยถอยสู่ยุค 8 ยุคทมิฬ เป็นกาดำ กาลีสูบเลือด ดวงเมืองเกิดกาสีดำถอยจักร บ้านเมืองเข้าสู่ความมืดมิดด้วยเภทภัยต่าง ๆ ดาวศาสดาแห่งสันติผูกระหัสทางโลก 8 จุด และทางธรรม 8 จุด กับแผ่นดินรัตนโกสินทร์ คำว่า “รัตนะ” คือนพรัตน์ทั้ง 9 ตรงในยุคจักรีที่ 9 บุรพชนต้นตระกูลวางดวงเมือง หลักศาสนา และฐานกษัตริย์ ไว้ทางโลก 8 จุด และทางธรรม 8 จุด
เพื่อให้แผ่นดิน เมื่อมาถึงยุครัตนจักรที่ 9 จักสามารถข้ามเข้าสู่ “ยุคชาวศรีวิไล” ได้ไว้ที่องค์พระแก้วมรกต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางโลก ระหัสอาทิตย์ หลักเมือง ทางธรรม ระหัสจันทรา หลักศาสนาทั้งทางโลกและทางธรรมเพื่อหนุนส่งเสริมฐานกษัตริย์ ยุครัตนจักร์ที่ 9 ปลายยุคจึงแปรผันเป็นยุคทมิฬ – ถิ่นกาขาว ประชาชาติแตกเป็น 2 ฝ่าย อกตัญญูต่อแผ่นดิน เนรคุณต่อสัตยบันสัญญา จะโค่นล้างเผ่าพันธ์ชนชาติตนเอง นำพาชาติสู่ความวิบัติ ผู้คนไม่อยู่ในศีลธรรม เป็นกาเมา กาเม หักหลัง ทรยศ เนรคุณ
ส่ง ผลกระทบเส้นเสาและเส้นฐานของโลก เพราะกำเนิดประเทศไทยและกำเนิดโลกซ้อนอยู่ในดวงเดียวกัน ก่อเกิดภัยธรรมชาติดังนี้แนวนอน 1.สภาวะน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย สื่อดวงจันทร์แนวตั้ง 2.สภาวะโลกร้อนเรือนกระจก สื่อดวงอาทิตย์ซึ่งจักนำมหันตภัยธรรมชาติมาทำลายล้างแผ่นดินและมนุษยชาติ
โอ...น่าอนาถแท้ สยามเฮย ใครเล่าจะจัดพิภพ เพริศแพร้ว ยามสีเจ็ดเดชไกรกลบ กลาดเกลื่อน ฤา..ใครจะยิ่ง “แก้วมรกต” ล้ำค่าควรเมือง
เพื่อ ให้เป็นไปตามโองการนวกาพรหม นามแม่กาเผือก สู่แผ่นดินรัตนโกสินทร์ ว่าแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินแห่งการสืบศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว ภายใต้ร่มโพธิ์เงิน – ไทรทอง เงาร่มโพธิ์ – ร่มไทร ปกแผ่ให้ความร่มเย็น ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข เพื่อให้เป็นไปตามผังจริงแห่งโองการนวกาพรหม ให้เหตุและผลตรงตามความเป็นจริงเข้าสู่ยุคเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม จึงให้เปิดปรมัตถ์แห่งผู้นำชาวศรีวิไล ดังนี้
ผู้นำชาวศรีวิไล
รับ กาศิต"พระรัตนา" ลงสู่โลกยุคเบียฬบีฑ์ รักษ์ธรรมะรังษี ตามพระพุทธทรงประสงค์ มั่นหมายจะเสริมศาสน์ สถาปน์โลกให้อยู่ยง บำราศภัยพินาศ,คง ศรีวิไลสถาพร หากแล้งพระธรรมญาณ อันธพาลกลีบร จะ ครองโลกเป็นอากร เป็นทมิฬเดรัจฉาน โลกทุกข์ทนทั้งคืนวัน พิฆาตกันบ่มีประมาณ ด้วยเหตุอหังการ เข้าครองโลกวิโยคธรรม พระจึงจุติแทนพุทธองค์ เพื่อประสงค์ดำรงธรรม ตามแนวพระศาสดานำ
ทั่ว โลกผองผ่องพ้นภัย เผยแผ่เที่ยงธรรมแท้ ให้ไพศาลพิชิตชัย ยุคทมิฬแปรผันไป ชาวศรีวิไลทั้งปฐพีดอกบัวหลวงสีม่วง พระนางรัตนา คู่บารมีองค์ที่ 5 ทิศเบื้องหลังของพระศรีอาริยเมตไตรย์ เพื่อช่วยสืบสานสายงาน ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพานในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะในธรรมกาลยุคขาว ซึ่งมีพระศรีอาริยเมตไตรย์เป็นประธานรื้อขนสรรพสัตว์ข้ามสู่ฝั่งพระนิพพาน จึงขอจุติเพื่อสร้างบารมี โดยขอพร ดังนี้คือ
1.ขอถือเพศพรหมจรรย์ ไม่ออกบวช ขอนามว่า "พระ"
2.ขอยศถาบรรดาศักดิ์แห่งพ่อกา"มเหศักดิ์" คือเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีความเป็นอยู่ดุจดั่ง "เทพ" บนสวรรค์
3.ขอสืบสานสายงานศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน เข้าสู่ยุคชาวศรีวิไล สืบสายสัมพันธ์ศรีอาริยะ
4.ขอทรัพย์สิ่งสินสมบัติแห่งชาวศรีวิไลบังเกิดขึ้นในแผ่นดิน
5.ขอ เคลื่อนวิวัฒนาการวัฏจักรแห่งความเป็นมนุษย์ยุคใหม่ และเป็นยุคสุดท้ายแห่งวัฏจักรโลก คือ “ยุคพลังน้ำ” สู่ชาวโลก พระศรีอาริยเมตไตรย์ทรงประทานพรให้ตามที่ทูลขอโดยให้ปรมัตถ์แห่งนามว่า "พระเทพ" คือเป็นหญิงผู้เดียวที่เป็นทั้ง "พระ" และ "เทพ" ในเวลาเดียวกัน ลงจุติ ณ.แผ่นดินรัตนโกสินทร์ ตามปรมัตถ์แห่งนาม "รัตนา" เพื่อสืบสานสายงานชาวศรีวิไล สายมณี ต่อจากสายมุนี ในยุคกึ่งพุทธกาลหลัง ตามโองการนวกาพรหม นามแม่กาเผือก
องค์พระรัตนา
องค์พระรัตนา ปกแผ่นฟ้าและผองไทย สีเขียวงามสดใส เกียรติเกริกไกรทั่วพารา ด้วยพระนาคเสน อุดมเดชปฏิสัมภิทา อธิษฐานรัตนา เป็นองค์พระแก้วมณี แทนองค์พระทรงศรี คู่ธานี แดนศรีวิไล เมืองทองแดนดินไทย ถวายไว้พระศาสดา ขอองค์แก้วมณี แผ่รังสีอภิบาล ชาติ ศาสน์ ตราบจวบกาล จรดพรรษาหมื่นหมื่นปี อีกช่วยปกคุ้มภัย คนไทยทั่วทั้งธานี ให้รักสามัคคี สร้างความดีทั่วพารา อีกขอองค์แก้วใส ปกคุ้มภัยกษัตรา พระจักรีวงศ์คู่ฟ้า อยู่คู่ไทยนิจนิรันดร์และเมื่อผู้นำศรีวิไลเข้าบำราศภัย ส่วนบาปที่จะผลิต่อไปในยุคต่อไป จะพลิกผันเป็น
8.พ.ศ.2557 – 2562 ยุคชาติก้องฟ้า
9.พ.ศ.2562 - 2572 รัฐเพริดแพร้ว
10. พ.ศ.2572 - 2582 ศรีวิไลทั่วแดนดิน
ปรมัตถ์งานทศพล
ปฐโม พยัคฆ์ใหญ่ย่ำเมฆา ทุติโย มังกรทองพ่นไฟ ตติโย พญาอินทรีผงาดไกล จตุโถ ทะเลทรายยิ่งใหญ่.... ปัญจโม มหาสมุทรเจ้าผืนน้ำ ฉักโถ อากาศธาตุเยือกเย็น สัตโม พระอาทิตย์เคียงคู่เพ็ญ อัฒโม ดอกไม้ทิพย์แย้มบาน นวโม เก้ามงคลอวยพรชัย ทศโม ศรีวิไลทั่วแดนดิน
ทศพลรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว โลกกลมเกลียวด้วยจิตตานุภาพ พุธโธ ธัมโม สังโฆ
ที่มา http://www.navagaprom.com/oldsite/con1.php?con_id=247
คำทำนายนารีขี่ม้าขาว จากหมอนิด
นารีขี่ม้าขาว...ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนายกหญิงแล้วแต่ยังไม่ใช่ “นารีขี่ม้าขาว” ที่แท้จริง เป็นเพียงนารีขี่ม้าแดง หรือขี่ควายแดงเท่านั้น ... อีกไม่นานประเทศไทยจะมี “นารีขี่ม้าขาว” มาปกครองบ้านเมืองอย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองจะศิวิไลซ์ รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล ประชาชนจะไม่แตกแยกเหมือนทุกวันนี้
ชาวต่างชาติจะให้การต้อนรับและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น มาก ประเทศไทยจะติดอันดับโลก ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆก็ตาม ชาวต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากขึ้น ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีความสุขกลับมาอีกครั้ง ... ผู้มีบารมีจะมากู้ชาติ และแผ่นดินไทย แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ...ถึงตอนนั้นทุกคนจะโห่ร้องดีใจ ที่ฟ้ามีตา เทวดามีจริง ...
คนที่คิดร้ายต่อแผ่นดินไทย จะล้มตายไปทีละคนหรือมีอันเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำไว้กับแผ่นดินเกิด...บาง คนต้องระหกระเหินเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆเหมือนเปรตที่ไร้ที่อยู่อาศัย ขอให้ทุกคนอดใจรอ “นารีขี่ม้าขาวผู้มีบุญบารมี” อันยิ่งใหญ่จะมาแน่นอนไม่นานเกินรอ
ที่มา http://www.mornid.com/popitems.php?id=1037
คำทำนายนารีขี่ม้าขาว จากหมอนิด
นารีขี่ม้าขาว...ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนายกหญิงแล้วแต่ยังไม่ใช่ “นารีขี่ม้าขาว” ที่แท้จริง เป็นเพียงนารีขี่ม้าแดง หรือขี่ควายแดงเท่านั้น ... อีกไม่นานประเทศไทยจะมี “นารีขี่ม้าขาว” มาปกครองบ้านเมืองอย่างแท้จริง ถึงตอนนั้นประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองจะศิวิไลซ์ รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล ประชาชนจะไม่แตกแยกเหมือนทุกวันนี้
ชาวต่างชาติจะให้การต้อนรับและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เศรษฐกิจจะดีขึ้น มาก ประเทศไทยจะติดอันดับโลก ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆก็ตาม ชาวต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากขึ้น ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีความสุขกลับมาอีกครั้ง ... ผู้มีบารมีจะมากู้ชาติ และแผ่นดินไทย แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ...ถึงตอนนั้นทุกคนจะโห่ร้องดีใจ ที่ฟ้ามีตา เทวดามีจริง ...
คนที่คิดร้ายต่อแผ่นดินไทย จะล้มตายไปทีละคนหรือมีอันเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำไว้กับแผ่นดินเกิด...บาง คนต้องระหกระเหินเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆเหมือนเปรตที่ไร้ที่อยู่อาศัย ขอให้ทุกคนอดใจรอ “นารีขี่ม้าขาวผู้มีบุญบารมี” อันยิ่งใหญ่จะมาแน่นอนไม่นานเกินรอ
ที่มา http://www.mornid.com/popitems.php?id=1037
ไอ้หมอดู ส้นตี เพ้อเจ้อ
ตอบลบหลัง 2557 มีปิติ และ สลดใจ
ตอบลบคำทำนายนั้นไซร้ อ่อนด้วยโลกีย์
โลกุตตระธรรม แน่วแน่แถลงไข
เกิดแปรปรวน.....
รอเวลา
ลบพ่องงง
ตอบลบขอบคุณที่คิดถึงพ่อฉัน
ตอบลบ