/*----Yahoo site map-------*/ /*----Bing site map-------*/

ค้นหาอะไรก็เจอ

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สาส์นจากปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)

0 ความคิดเห็น

ผ่านทางทิพย์นิมิต พระอาจารย์เพลิน นนทโก ให้แจ้งต่อผู้ศรัทธาในปู่ใหญ่ หลวงปุ่เทพโลกอุดร ว่าในอีก ประมาณ....ปี ข้างหน้านี้ จักเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงต่อมวล มนุษยชาติทั่วโลก ขอให้ลูกหลานทุกคนจงพากันเตรียมตัว ร้บสถานการณ์ให้ดี โดยให้มีสติอันมั่นคงอย่าวิตกกังวล จงพา กันเร่งบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิฝึกฝนพลังจิตให้เข้มแข็ง และ ให้พากันหาสถานที่อันสงบในป่าเขาแหล่งที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกต้นไม้ให้มาก ๆ ล้อมรอบที่พักอาศัย แล้วบำเพ็ญภาวนา เก็บกักตุนเสบียงไว้ใช้ในยามขัดสนอันมีปัจจัยสี่ เช่น เครื่อง นุ่งห่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค หากผู้ใดมีเงินขอให้เปลี่ยน เป็นของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำเป็นต้น อย่าฝากธนาคาร อย่าซื้อหุ้นให้ฝังดินไว้ทำแผนที่ลายแทงไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกล กรุงเทพฯ เชื้อเพลิงให้พากันกักตุนแบตเตอรี่แห้งเป็นต้น อย่าห่วงทรัพย์ในเมืองหลวง จงพากันไปหาที่ปลูกสร้างที่พักไว้ ตามวัดป่า วัดเขาในชนบท ตามถ้ำต่าง ๆ จึงจะพากันรอด จากภัยพิบัติ จงเร่งบำเพ็ญภาวนา

ผ่านกระแส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2539
ณ ธรรมสถานวงษ์จิต
บ้านนาคำน้อย หมู่ 7
ตำบลบ้านก้อง อาเภอนายูง
จ้งหวัดอุดรธานี 41380

ที่มา: http://www.palungjit.com/

เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำทำนายและพุทธพยากรณ์ “ภัยพิบัติโลก”


“อานน ทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศจะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ปี จะถือว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว

อานนทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศไทยที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก”

พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ. ๒,๐๐๐กว่าปี โลกจะไม่สลาย... พระพุทธศาสนาจะทรงอยู่ได้ตลอด ๕,๐๐๐ ปี ทรงตรัสชี้ว่า เขตประเทศต่อไปนี้จะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี นี่หมายถึง ประเทศไทย...

ถ้า สงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย...

สำหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิก็จะเร่งรัดตัว เอง กำลังใจก็จะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิดในเมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆที่ ได้จากสมาธิและวิปัสสนาญาณเอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุข ปลอดภัย ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าที่ให้ไว้ คือ

๑. สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่
๑.๑ ทาน การให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันสร้างความรักเข้าไว้ อย่าได้สร้างศัตรู
๑.๒ ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุข เขาจะรักเรา เราก็มีความสุข
๑.๓ อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน
๑.๔ สมานัตตตา ไม่ถือตัว ไม่ถือตน
๒. พรหมวิหาร ๔ ได้แก่
๒.๑ เมตตา ความรัก
๒.๒ กรุณา ความสงสาร
๒.๓ มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีก็ยินดีด้วย
๒.๔ อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้นไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง

จง อย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย ๓ ประการ คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีจิตยึดพระพุทธคุณ ให้ภาวนาว่า “พุทโธ”

ก่อน จะหลับ ให้กำหนดการเข้าออกของลมหายใจ หายใจเข้านึก “พุทธ” หายใจออกนึกว่า “โธ” และเวลาตื่นนอนใหม่ๆ ทำแบบนี้เป็นปกติเวลาที่ยังตื่นอยู่ ถ้าคิดขึ้นมาได้เมื่ดไร ก็ทำใจให้นึกถึงความดีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนาว่า “พุทโธ” เป็นปกติ อย่างนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้า จะทำให้จิตใจของท่านได้เยือกเย็น มีความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ

ถ้าจิตของเราไม่นิยมในขันธ์ ๕ หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์อยู่ที่ไหน เราจะไปที่นั่น ท่านจะพ้นจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพานได้....



หมายเหตุ: บทความเหล่านี้ ทางผู้จัดทำบล็อกมิได้ทำการเขียนบทความขึ้นมาเอง เพียงแต่ได้นำเอาข้อมูลเหล่านี้ มานำเสนอแก่ท่านผู้ที่สนใจ ใคร่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติโลก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งใน ปัจจุบันและอนาคตกาล ขอได้โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน


เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สถานที่หลบภัยพิบัติ ตามพยากรณ์

0 ความคิดเห็น

โหรเมืองหน้าด่าน

จากการที่ข้าพเจ้าได้ไปประสบกับสถานที่ๆเคยไป และจากการเข้าญาณ ได้พบสถานที่ อันปลอดภัยจากภัยพิบัติ อันมีรัศมีพุทธะธรรมไพศาล สถานที่นั้นอาจจะเคยเกิดภัย อยู่ในประเทศมีภัย แต่สามารถช่วยได้ในขณะมีภัย (โปรดพิจารณาด้วยหลัก10 ของพระพุทธเจ้า)

1.วัดฝอกวงซาน ไต้หวัน ข้าพเจ้าเห็นพระยูไลมีแสงอันอำไพมิประมาณ ผู้เข้าถึงในพระยูไลบริเวณรอบภาวนานาม ย่อมพ้นภัย ในขณะน้ำท่วม ฟ้าผ่า

2.วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่ เห็นว่ามีภัยมหาศาล แต่พอเกิดภัยอันใหญ่หลวง พระธาตุจะปรากฎอภินิหารนำพา

3.บุโรพุทโธ อินโดนิเซีย จากที่เห็นนิมิต จะเห็นพระพุทธะที่สถิต ณ มหาวิหารแห่งนั้น เกิดแสงศักดิ์สิทธิ์ ทั่วบริเวณ ทั่วเขตปฐพีธรณี มนุษย์ผู้แสวงบุญจักพ้นภัย จักมีฤทธิ์ จักเห็นสิ่งนี้โดยอัศจรรย์

4.ไดโงะฮนซน แห่งวิหารธรรม ญี่ปุ่น จักเกิดแผ่นดินสั่นไหวทั่วเขต ผู้ศรัทธาจะเห็นไดโงะฮนซนเผยธาตุธรรม แสงเรืองรองแห่ง สัทธรรมปุณฑรีกสูตร

5.พระโพธิสัตว์กวนอิม ผู่ถั่วซาน จีน จักบังเกิดโพธิสัตว์สำแดงอภินิหารคุ้มครอง ผู้มา นับได้มิถ้วนเลย

6.สถานที่ประสูติ แห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวนลุมพินีวัน อินเดีย
จักเกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว ขอระลึกถึงพระพุทธเจ้า ย่อมดับภัยได้ทั้งหมด

7.ต้นมหาโพธิ์ ศรีลังกา จักเกิดอภินิหารพุทธะสารีริกธาตุทั่วแดนจะมารวมกัน ผู้ศรัทธา ปฏิบัติย่อมได้รับการคุ้มครอง

(กรุณาพิจารณาตามธรรม)



หมายเหตุ: บทความเหล่านี้ ทางผู้จัดทำบล็อกมิได้ทำการเขียนบทความขึ้นมาเอง เพียงแต่ได้นำเอาข้อมูลเหล่านี้ มานำเสนอแก่ท่านผู้ที่สนใจ ใคร่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติโลก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งใน ปัจจุบันและอนาคตกาล ขอได้โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน


เตือนภัยพิบัติ

"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอเชิญร่วมฟังเสียงบันทึก งานสัมมนา “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด”

0 ความคิดเห็น

สวัสดีครับ

สำหรับใครที่พาดจากการร่วมงานสัมมนา “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ต้องเสียใจครับ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมเข้าฟังสัมมนา หรือว่าจองที่นั่งไม่ทัน ท่านสามารถที่จะเข้าไปฟังเสียงการสัมมนา ได้ที่เว็บไซค์ palungjit.com ได้เลยครับ เค้าได้อัดเสียงงานสัมมนาเอาไว้ให้ สำหรับท่านที่สนใจ เข้าไปฟังได้เลยครับ เห็นว่าจะมีการอัดเป็นวิดีโอ นำมาเผยแพร่ให้ดูด้วยครับ ยังงัยก็รอติดตามดูกันครับ


เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เจาะลึกภัยพิบัติ โลกาจะวินาศจริงหรือ??

3 ความคิดเห็น

ภัยพิบัติโลก


ตั้งแต่เริ่มต้นย่างกรายเข้าสู่ขวบปีศักราช 2553 หรือ ค.ศ.2010 เป็นต้นมา จะพบได้ว่า หลากหลายผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งจากทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา เอเชีย ฯลฯ ไล่ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยา นักวิชาการ แม้กระทั่งคนในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด ต่างให้ความสำคัญ และตระหนักกับกระแสภัยพิบัติ ที่จะอุบัติขึ้นในดาวเคราะห์ ของระบบสุริยะจักรวาล ที่มวลมนุษย์ชาติยึดถือเป็นที่พำนักอาศัย และเรียกกันอย่างกว้างขวางว่า “โลก” เนื่องจากมีการวิเคราะห์ตลอดจนวิพากษ์ ด้วยองค์ความรู้และหลักของเหตุผลที่ยกขึ้นมาประกอบว่า อนาคตวันหนึ่งโลกจะถึงกาลอวสาน โลกกำลังจะแตก ที่สำคัญทวีปต่างๆที่เคยถูกบรรจุอยู่ในแผนที่ อาจไม่มีอีกแล้วในอนาคต

หลังความวิตกดังกล่าว ปรากฏให้เกิดกระแสการตื่นตัวเริ่มกลับมาให้ความใส่ใจในการปกปักรักษา อีกทั้งรณรงค์เพื่อแก้ไขปัญหาโลกแตกนี้กระจายทั่วโลก ด้วยเหตุผลหลักคือ ไม่ต้องการให้ความวิตกนี้เกิดขึ้นจริง มีการหยิบยกจินตนาการนำเอาไปทำภาพยนตร์บนแผ่นฟิล์ม “ 2012 วันสิ้นโลก” จำลองเหตุการณ์โลกแตก สร้างความบันเทิง โดยอิงไว้ด้วยเจตคติที่ใฝ่เตือนผู้คนทางอ้อม ให้หันกลับมาใส่ใจระบบนิเวศน์ของโลกใบนี้ มากกว่ามุ่งแต่ฉกฉวยโอกาส ที่เน้นหนักไปในด้านทำลาย จนสามารถโน้มน้าวจิตใจคนทั่วโลก ให้เกิดความตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่โลกกำลังเผชิญ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการทำลายของเงื้อมมือมนุษย์ทั้งสิ้น
หรืออาจกล่าวได้ว่า ณ ห้วงเวลาปัจจุบัน คือ ช่วงเวลาที่โลกเอาคืนแล้วหรือไม่ หรือขวบปี 2010 ที่ผ่านมา คือ เสียงเตือนขั้นต้น ที่ให้มวลมนุษยชาติเตรียมหาทางระแวดระวัง ก่อนที่ทุกสิ่งจะสายเกินไป

หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปี จะพบว่าสัญญาณเตือนภัยพิบัติที่โลกพยายามสื่อสารกับมวลมนุษยชาติ กระจายความรุนแรงไปทั่วทุกมุมโลก มีเหตุการณ์สร้างความเสียหายมหาศาล ทั้งเรื่องแผ่นดินไหว น้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลากหลายประเทศ ดินโคลนถล่มคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก พายุพัดถล่ม หรือแม้กระทั่งปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิดปะทุ เป็นต้น

เริ่มต้นจากในช่วงต้นปี วันที่ 12 ม.ค. เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่รุนแรงขนาด 7.0 ริกเตอร์ ที่ประเทศเฮติ ที่สร้างความศูนย์เสียครั้งสำคัญ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3 แสนคน ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และไร้ที่อยู่อาศัยอีกหลายล้านคน หลังจากนั้นถัดมาอีก 1 เดือน ช่วงวันที่ 27 ก.พ. เกิดแผ่นดินไหว ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็น 8.8 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งประเทศชิลี ซึ่งกล่าวได้ว่า คือความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ที่ยังผลให้แกนโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิมถึง 3 นิ้ว อันมีผลให้ระยะเวลาสั้นลงไป 1.26 ไมโครวินาที

ในเดือนถัดมา 8 มี.ค. เกิดเหตุฝนตกหนักในประเทศออสเตรเลีย ที่เมืองหลวงนครเมลเบิร์น เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ก่อนตามด้วยปรากฏการณ์ลูกเห็บยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ตกลงมาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก โดยในช่วงวันที่ 20 เดือนเดียวกัน ยังเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟปะทุในประเทศไอซ์แลนด์ ส่งผลกระทบรบกวนต่อการจราจรทางอากาศทั่วทวีปยุโรป มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายล้านคน ทั้งนี้ในช่วงสิ้นเดือน มี.ค. ยังส่งท้ายด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.5 ริกเตอร์ ในอ่าวเบงกอลด้วย

หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนเม.ย. พบว่ามีเหตุการณ์แผ่นดินไหว บริเวณนอกชายฝั่งของเกาะสุมาตรา มีขนาดความรุนแรง 7.8 ริกเตอร์ ก่อนที่จะเกิดภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งทางตอนใต้ของเกาะไอซ์แลนด์ เกิดการระเบิดปะทุขึ้นฟ้าสูงถึง 8 กิโลเมตร เป็นเหตุให้เกิดฝุ่นขี้เถ้าปกคลุมน่านฟ้าสูงกว่า 6,000 เมตร ในอีกอาทิตย์ต่อมา ส่งผลกระทบโดยตรงกับการสัญจรทางอากาศ โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ทั้งนี้ในช่วงระยะเวลาเดียวกันพบว่า ในประเทศจีน ก็ได้เกิดแผ่นดินไหว มีความรุนแรงกว่า 7.1 ริกเตอร์ ปรากฏมีผู้เสียชีวิต 2,220 ราย สูญหาย 70 ราย และบาดเจ็บนับหมื่นราย ในเขตปกครองตนเองยูซู มณฑลชิงไห่ ข้ามเดือนมาในกลางเดือนพ.ค. ภัยพิบัติยังคงปกคลุมโลกอย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดเหตุการณ์พายุทอร์นาโด และพายุลูกเห็บ ที่เมืองซุ่ยหัว ในประเทศจีน ก่อให้เกิดความสูญเสีย มีผู้เสียชีวิตหลายราย

กระทั่งย่างเข้ากลางปี 2553 หรือ ค.ศ.2010 ในเดือนมิ.ย. พบมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ นอกหมู่เกาะอันดามันประเทศอินเดีย ห่างกันไม่กี่วัน ได้เกิดพายุทอนาร์โดถาโถมเข้าใส่ตะวันตกของอเมริกา กระทั่งเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในประเทศรัสเซีย และประเทศเอกวาดอร์ ต่อมาในวันที่ 9 มิ.ย. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อน 1 วันต่อมาจะมีน้ำท่วมเฉียบพลันที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

วันที่ 13 มิ.ย. เกิดพายุฝน และดินโคลนถล่มทางตอนใต้ของจีน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต มีความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 43,000 ล้านหยวน ผู้อพยพขึ้นหลัก 3 ล้านคน ก่อนที่อีก 5 วันต่อมา จะเกิดน้ำท่วมใหญ่เฉียบพลัน ดินโคลนถล่มต่อเนื่อง ในพื้นที่ 74 เมือง 6 มณฑล ของจีน โดยมีประชาชนชาวจีนจำนวนมากหลักล้านคนได้รับความเสียหาย โดยในประเทศจีนยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย กลับปรากฏว่าในช่วงวันที่ 14 ก.ค. ยังเกิดน้ำท่วม และดินถล่มเพิ่มเติม ทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 400 คน

แม้แต่ในประเทศรัสเซีย ยังเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ เกิดไฟป่าในประเทศหลายร้อยแห่ง เนื่องจากอุณหภูมิภายในเกิดความร้อนสูงขึ้น ชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก ก่อนที่โลกจะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ตามมา ในช่วงเดือน ส.ค. พายุฤดูร้อนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ในประเทศปากีสถาน บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนเลยทีเดียว

ทั้งนี้ในประเทศจีน ยังกลับมาพบภัยพิบัติเข้าเล่นงานอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 8 ส.ค. หลังจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน และแผ่นดินถล่ม ทางตะวันตกเฉียงเหนือ สร้างความสูญเสียกว่า 1,500 ราย ก่อนปรากฏการณ์ภัยพิบัติ จะข้ามฟากไปเล่นงานในภูมิภาคอเมริกาใต้ ในประเทศโบลิเวีย โดยเกิดเหตุการณ์ไฟป่าลุกลามไปกว่า 25,000 จุดทั่วประเทศ จนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยยังพบอีกว่า ยังมีโคลนถล่มเพิ่มเติม ในประเทศกัวเตมาลา ทำให้เกิดความสูญเสียอีกกว่า 100 ชีวิต

สำหรับในประเทศไทย สถานการณ์ภัยพิบัติ เริ่มตึงเครียดตั้งแต่ช่วงปลายฤดูฝน ช่วงเดือนต.ค.เป็นต้นมา ทั้งนี้แม้จากรายงานจะพบว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. จะมีรายงานน้ำท่วมบางพื้นที่เป็นระยะ แต่ยังไม่หนักหนาเท่าที่ควร กระทั่งเริ่มต้นเดือนส.ค. ทั่วทุกภาคของประเทศ จะมีฝนตกอย่างหนักต่อเนื่อง จนก่อให้เกิดนำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ก่อนเข้าสู่ช่วงวันที่ 10 ต.ค. เรื่อยมาจนถึงวันที่ 30 ต.ค. จะเกิดภัยน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ในหลายพื้นที่ ทั้งทางอีสาน ตะวันออก แม้กระทั่งภาคใต้ ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ได้รับความเดือดร้อนนานร่วมเดือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย จนภาครัฐและเอกชนต้องเข้าไปดูแลกันอย่างเต็มความสามารถ

และด้วยความตื่นตัวในปัญหาภัยพิบัติดังที่กล่าวข้างต้น ซึ่งอาจมีทั้งเกิดจากเงื้อมมือมนุษย์ และเกิดจากภัยธรรมชาติ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นำโดย ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้เล็งเห็นถึงข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวสารและความรู้ ตลอดจนการนำเสนอให้ประชาชนรับทราบในการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติไม่ให้ตื่นตระหนกตกใจ จึงได้ร่วมมือกับทาง มหาวิทยาลัยศรีปทุม มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และเว็บไซต์พลังจิตดอทคอม ร่วมจัดโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ “เจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ขึ้น โดยจะมี 8 วิทยากร ประกอบด้วย ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ดร.วัฒนา กันบัว ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล พระอาจารย์รัตน์(รัตน รตนญาโณ) และนายคณานันท์ ทวีโภค หัวหน้าทีมพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ทำหน้าที่บรรยายให้ความรู้

โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 19 ธ.ค.ระหว่างเวลา 08.30 น.-17.00 น. ที่ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม ชั้น 6 อาคาร ดร.สุข พุคยาภรณ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ รับผู้สนใจเข้าฟังสัมนาฟรีจำนวน 1,200 คน ปรากฏว่าข่าวออกไปเพียงวันแรกก็มีผู้สนใจในเรื่องเหตุการณ์วิกฤติของโลกติดต่อเข้าฟังจนเต็มจำนวนในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับผู้ที่พลาดหวังในการเข้าฟังการสัมมนาสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ www.palungjit.com ได้ในวันเวลาดังกล่าว.

ผาณิต นิลนคร/รายงาน

เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"


วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอเชิญร่วมงานสัมมนา ฟรี เรื่อง “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด”

0 ความคิดเห็น

วันนี้ผมมีสัมมนาฟรี เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ในหัวข้อที่ว่า “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” ในวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2553 ณ ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม ชั้น 6 อาคาร ดร.สุข พุคยากรณ์ หมาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ จำนวนที่นั่งทั้งหมด 1200 ที่นั่ง (ปัจจุบัน ที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ) แต่ก็ยังมีห้องเพื่อรับฟังการถ่ายทอดเสียงได้ ซึ่งมีห้องสำรองเอาไว้รองรับสำหรับท่านที่สำรองที่นั่งไม่ทันครับ

เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ

http://board.palungjit.com/view.php?pg=seminar


เตือนภัยพิบัติ
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

เตือนภัยพิบัติล้างโลก ปี 2012 โดย อาจารย์สุมิตร

9 ความคิดเห็น

เมื่อราวเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2551 (ค.ศ.2008) อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา กลายเป็นที่รู้จักของคนไทย จากการเป็นผู้คิดค้นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนในประเทศไทยเป็นคนแรก โดยพัฒนาอุปกรณ์แยกไฮโดรเจนจากน้ำ ทำให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานน้ำแทนน้ำมัน เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนได้สำเร็จ หรือเรียกง่ายๆ ว่า รถใช้น้ำที่ใครหลายคนฝันไว้ ได้เกิดขึ้นได้จริงจากนักวิจัยท่านนี้

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่านอกจากการเป็นนักวิจัยของไทยที่นับว่ามีความรู้ความ สามารถท่านหนึ่งแล้ว อาจารย์สุมิตรยังทำงานอยู่ในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซ่า ในสายงานที่อาจเรียกว่าพิเศษก็ไม่ผิดนัก กล่าวคือ ต้องทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือ ปี ค.ศ.2012 (พ.ศ.2555) ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันในวงจำกัดเท่านั้น!!!
อาจารย์สุมิตร บอกเล่าผ่านรายการ The Taxi ทางช่องเอ็นบีที เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติของโลก ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดหายนะขึ้นจากเหตุอุทกภัย น้ำจะท่วมโลกอย่างแน่นอน ซึ่งคนในองค์การนาซ่าทุกคนต่างทราบเรื่องนี้มานานแล้ว จึงได้พยายามสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนหนีภัยน้ำท่วมโลก โดยอาจารย์สุมิตร เผยว่า ยานอวกาศดังกล่าวใกล้เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าสร้างไว้ทั้งหมดกี่ลำ

พร้อมกันนี้ อาจารย์สุมิตร ยังระบุด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า โดยใช้วิธีสื่อสารทางโทรจิตในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555) อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ทางสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างปกปิด ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ เนื่องจากอาจมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

"โลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ"

เมื่อรู้เช่นนี้ อาจารย์สุมิตร จึงเสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทย เพื่อให้เร่งสร้างยานอวกาศเตรียมไว้สำหรับอพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลก ค.ศ.2012 แต่กลับไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอาจเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักมากพอในเชิงหลักฐาน

"อีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมด ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นวันหายนะที่ร้ายแรง ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การนาซ่า เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่"

นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ไทยจากองค์การนาซ่า ที่หลายคนอาจเชื่อ แต่หลายคนอาจไม่เชื่อ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี นอกจากอาจารย์สุมิตรแล้ว ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกลายคนที่พยายามจะมาเตือนคนไทยเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม ล้างโลกก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทำนายกรุงเทพฯ จมใต้น้ำในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และอีกท่านที่รู้จักกันดี คือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ทำนายอนาคตโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี พ.ศ.2560 (ค.ศ.2017) โดยท่านทำนายไว้เมื่อปี พ.ศ.2548

สำหรับ อาจารย์สุมิตร หรือ พ.อ.อ.สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เดิมเป็นชาว จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนจ่าอากาศ เริ่มต้นรับราชการที่กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา 6 ปี จากนั้นได้ศึกษาต่อในหลายสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระทั่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมอากาศยาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปี ในบริษัทผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โบอิ้ง หรือแอร์บัส ทำงานในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา มีผลงานการประดิษฐ์ที่ทำให้ประหลาดใจหลายอย่าง จนเพื่อนร่วมงานขนานนามว่า "พ่อมด" แห่งองค์การนาซ่า

การศึกษา

• ปริญญาโทสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (19 มีนาคม พ.ศ.2550)
• ปริญญาตรีสาขาศิลปกรรม ด้านวิศวกรการบิน สหรัฐอเมริกา (13 มิถุนายน พ.ศ.2545)
• ประกาศนียบัตรจากบริษัทการบินไทยจำกัด มหาชน ( 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 – พ.ศ.2542)
• A -300- B 4/ A- 300-600 Familiarization Course
• B -747-400 Basic course
• B -737-400 ใบอนุญาตวิศวกรท่าอากาศยาน
• ประกาศนียบัตรจากโรงเรียนฝึกช่างเทคนิคการบิน
• จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี

รางวัลที่เคยได้รับ

• รางวัลปฏิบัติการยอดเยี่ยม ปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525), Wing 23 ฐานการบินอุดร ,การบินไทย
• พนักงานยอดเยี่ยม ค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) US Air Force สหรัฐอเมริกา
• รางวัลยอดเยี่ยมของผู้บังคับการกองทัพทหารบก สหรัฐอเมริกา กองทัพอัจฉริยะ ครั้งที่ 204,การสำรวจแผนที่จากอากาศ

โครงการและสิ่งประดิษฐ์

• ระบบควบคุมน้ำอัจฉริยะ (อยู่ในระหว่างจดสิทธิบัตร)
• น้ำ-ไฮโดรเยน พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคต สำหรับโครงการมนุษยชาติในประเทศไทย
• Fuel Cell (พลังงานเชื้อเพลิง)
• รถวิ่งโดยใช้น้ำ

ขอขอคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก



วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คุยกันก่อน

1 ความคิดเห็น



วัตถุประสงค์ของการจัดทำบล็อกนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะเป็นแหล่งข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน หรือที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นภัยทางธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งบทความเหล่านี้ผู้จัดทำบล็อกมิได้เขียนขึ้นเอง แต่เป็นบทความที่ผู้จัดทำได้ทำการคัดลอก จากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากทางอีเมลล์ ทางเว็ปบรอด และจากทางเว็ปไซค์ต่างๆ เพื่อที่จะนำมารวบรวมและเผยแพร่ ให้สำหรับที่สนใจ และอยากที่จะรู้ ได้อ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นและจะเกิดต่อไปในอนาคต มิได้ทำขึ้นเพื่อที่จะมาโน้มน้าว ชวนเชื่อ หรือให้งมงาย เกี่ยวกับบทความเหล่านี้ ขอให้ท่านผู้ที่ได้เข้ามาอ่านบทความเหล่านี้ จงโปรดใช้วิจารณาญานในการอ่าน และพิจารณาตามความเป็นจริง

สุดท้ายนี้ ถ้าผู้จัดทำหรือว่าบทความในบล็อกนี้มีเนื้อหาได้ไปเกี่ยวข้อง หรือว่าพาดพิงบุคคลใดบุคคลหนึ่งในทางเสียหาย หรือมิควร ทั้งทางกาย วาจา ใจ ทางผู้จัดทำต้องขอโทษและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


เตือนภัยพิบัติโลก

"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"


วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตัวอย่าง 2010 วันสิ้นโลก

0 ความคิดเห็น

สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคลิปตัวอย่าง เกี่ยวกับ 2012 วันสิ้นโลก มาให้ดูครับ เผื่อว่าใครจะจินตนาการไม่ออกว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และเป็นแบบไหน ลองดูในคลิปเป็นตัวอย่างครับ





เตือนภัยพิบัติ
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

ปฏิทินของชาวเผ่ามายัน ระบุวันสิ้นโลก วันที่ 21 ธันวา 2012

0 ความคิดเห็น

เป็น ที่ยอมรับว่าปฏิทินของชาวมายันมีความเที่ยงตรงอย่างมาก เที่ยงตรงกว่าปฏิทินระบบที่เราใช้กันในสากลมากมาย เพราะชาวมายันทำปฏิทินจากระบบดวงดาว โดยปฏิทินนี้ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลยถึง 380,000 ปี (ในขณะที่ปฏิทินที่เราใช้ต้องมี Leap Year ทุกๆ 4 ปีเป็นต้น)


ชาวมายัน


จะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น

คำถามนี้เป็นปัญหาโลกแตก (literally speaking) จริงๆ เพราะนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นโลกแล้ว ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่นอนได้ มีเพียงการคาดเดา การผูกโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลก (ดู http://www.december212012.com/articles.shtml) เหตุการณ์ที่คาดเดากันว่าจะเกิดและเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องมีทั้งเรื่องของ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับระบบสุริยะจักรวาลและโลกของเรา ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 21 ธันวา 2012 การเปลี่ยนขั้วของขั้วโลกเหนือใต้ ฯลฯ

แล้วชาวมายันทำนายไว้ว่าอย่างไร

ชาวมายันไม่ได้เขียนชัดเจนว่า วันที่ 21 ธันวา 2012 จะเป็นวันสิ้นสุดของโลก มีผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า มันคือวันที่โลกจะเปลี่ยนแปลงจากยุคหนึ่งเป็นอีกยุคหนึ่ง และเรามีหน้าที่ที่จะต้องเตรียมรับมือกับวันนั้นให้ได้ เพื่อความอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลง และหลังจากวันนั้น โลกของเราจะมีสันติสุขอย่างแท้จริง

ปฏิทินของชาวมายันโดยคร่าว

จาก ปฏิทินของชาวมายัน เรากำลังอยู่ในช่วงปลายของ 1 วันแห่งระบบจักรวาล หรือ End of a Galactic Day ซึ่งระยะเวลา 1 วัน แห่งระบบจักรวาลนั้นยาวนานถึง 25,625 ปี และแบ่งได้เป็น 5 ช่วง ช่วงละ 5,125 ปี และขณะนี้เราอยู่ในช่วงปลายของช่วงที่ 5 แล้ว ชาวมายันบอกว่า นับจากปี 1999 เราจะมีเวลา 13 ปีที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของการอยู่บนโลกใบนี้เพื่อที่จะรอดจาก การทำลายล้าง และในขณะเดียวกัน ก็ก้าวสู่เส้นทางที่จิตสำนึกใหม่ปูให้กับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

ตามศาสตร์ของชาวมายัน ทุกๆ 5,125 ปี ดวงอาทิตย์จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือกอัน กว้างใหญ่ และจากปรากฏการณ์นั้นเอง ดวงอาทิตย์จะได้รับ “ประกายไฟ” (Spark of light) ซึ่งทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงและส่งผ่านความร้อนรุนแรงมากขึ้น อย่างที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “Solar Flares” และยังทำให้ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อมายังโลก เกิดการสับเปลี่ยนขั้วโลก และทำให้เกิดหายนะทางธรรมชาติตามมามากมาย ปรากฏการณ์เหล่านี้ ชาวมายันเชื่อว่าเป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติกระบวนการหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเหมือนการหายใจของคน และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรือหยุดไป เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง (4 รอบแรกของปรากฏการณ์จากดวงอาทิตย์) และจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 5 เมื่อครบ 5,125 ปี ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง


หมายเหตุ: บทความนี้ ทางผู้จัดทำบล็อกได้ทำการคัดลอกมา แล้วได้นำมาเสนอแก่ท่านผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต มิได้ทำการเขียนบทความเหล่านี้ขึ้นมาเอง โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน

เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 คำทำนาย สู่ภัยพิบัติล้างโลกของศาสนาคริสต์

”ภัยพิบัติล้างโลก”


“โลกนี้จะมีวันอวสานมั้ย” “ โลกนี้จะแตกมั้ย” “สงครามนิวเคลียร์ล้างโลกจะเกิดขึ้นมั้ย”......คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่พวกเรามักได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์ของคริสเตียนได้บอกอย่างชักเจนว่า “โลกนี้มีวันหนึ่งจะต้องอวสาน... ซึ่งการอวสานหรือการสิ้นสุดของโลกนั้นก็เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ด้วย”


คำทำนายประการที่ 1 ประเทศอิสราเอลจะต้องรวมกันเป็นประเทศขึ้นมาใหม่ เราจะเห็นว่าคนอิสราเอลได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกถึง 2590 ปี แต่เมื่อ ประมาณ 60 ปีที่แล้ว คนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่วโลกนั้นก็ได้กลับมารวมตัวเป็นประเทศอิสราเอลอีครั้งจนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นจริงดันคำทำนายแล้ว


คำทำนายประการที่ 2 จะมีผู้ที่อ้างว่า “ฉันคือพระเยซูคริสต์” ซึ่งพวกเราก็เห็นชัดในข่าวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ คือ นายจิม โจนส์ และ นายเดวิท โคเรช ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพระเยซูคริสต์..และนับตั้งแต่สองคนนั้นเป็นต้นมาก็มีอีกหลายคนที่อ้างตัวว่าตัวเองนั้นเป็นพระเยซูคริสต์ (ในอดีตไม่เคยมีคนอ้าง แต่เพิ่งจะมีในยุคนี้ นั่นแสดงว่าโลกนี้ใกล้ถึงอวสานแล้วจริงๆ)


คำทำนายประการที่ 3 จะเกิดสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม
เริ่มตั้งแต่การประท้วง การขัดแย้งภายในประเทศ และลุกลามไปจนถึงสงครามโลก...นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 นี้ เป็นต้นมา ได้เกิดสงครามโลกถึง 2 ครั้ง และสงครามระหว่างประชาชาติกับประชาชาติ รวมทั้งข่าวลือเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ลือกันต่อมาเลื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่เราเห็นและได้ยินกันอยู่ทุกวันมิใช่หรือ


คำทำนายประการที่ 4 จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งพวกเราก็ได้ประจักด้วยสายตาอยู่แล้ว และการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้งก็ทวีความรุนแรงและกลืนชีวิตมนุษย์มาขึ้นเรื่อยๆละเป็นที่สังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ประเทศที่ไม่เคยมีแผ่นดินไหวก็เริ่มมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้ว......อินเดีย ศรีลังกา พม่า หรือแม้กระทั่งเมืองไทยของเราก็มีแผ่นดินไหว จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในภาคใต้เมื่อปลายปี ค.ศ. 2004


คำทำนายประการที่ 5 จะเกิดการกันดารอาหาร เพราะการสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และประชากรของโลกที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดินฟ้าอากาศเริ่มแปรปรวนอากาศเป็นพิษ และสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมเป็นเหตุให้ปัจจุบันนี้มีคนมากกว่าครึ่งโลกที่กำลังขาดอาหาร และทุกวันนี้มีเด็กตายเพราะขาดอาหารเฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 40,000 คนทั่วโลก


คำทำนายประการที่ 6 จะมีคนสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย คนเหล่านี้จะอ้างตัวว่า เขาสามารถที่จะช่วยคนให้รอดได้คนพวกนี้ จะเกิดขึ้นทั้งในแวดวงและนอกแวดวงคริสเตียน พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกสอนผิด...พวกเขาจะล่อลวงคนให้เชื่อในพระคัมภีร์เชื่อในคำสอนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง ซึ่งเราคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เช่นพวกฝรั่งผูกเน็คไทขี่จักรยาน หรือพวกคณะแฟมมิลี่ที่คอยจับเด็กที่มีปัญหาให้ค้าประเวณีเพื่อหาเงินเข้านิกาย หรือลัทธิโอมชินลิเคียว ที่อ้างง่าตนเองเป็นผู้วิเศษ


คำทำนายประการที่ 7 จะมีโรคระบาด โรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้นในโลก ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่ามีโรคร้ายเกิดขึ้นหลายโรคซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนมากมายและได้แพร่กระจายไปหลายประเทศในโลก เช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดนก ฯลฯ ทำให้วงการแพทย์ต้องหาวิธีรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งบางโรคก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย


คำทำนายประการที่ 8 ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะความรู้และความเจริญของคนในยุคนี้นั้นก้าวหน้าและก้าวเร็วกว่าคนในอดีตหลายร้อยหลายพันเท่า....


คำทำนายประการที่ 9 ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น การเล่นหวย การพนัน การล่วงประเวณี การกระทำผิดเรื่องเพศ การหย่าร้าง ฯลฯ กำลังเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม...การฆ่ากัน การฉ้อโกง ฯลฯ เป็นเรื่องที่ไม่เว้นแต่ละวัน.. มนุษย์เราเอาเปรียบซึ่งกันและกันและถ้าเราสังเกตดูเราจะเห็นว่า มีความผิดบาปหลายอย่างที่ทวีความรุนแรงมากกว่าในอดีตหลายเท่า...


คำทำนายประการที่ 10 ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลก แล้ววาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง ซึ่งวันนี้เราก็เห็นแล้วว่า ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์กำลังประกาศแพร่ออกไปทั่วโลกจริงๆ... นั่นแสดงว่าโลกของเรากำลังจะใกล้ถึงที่สุดของมันแล้ว


* หลังจากคำทำนายทั้ง 10 ประการได้สำเร็จแล้ว พระเยซูคริสต์ก็จะเสด็จมา ซึ่งดวงตาทุกคู่ของมนุษย์ก็จะได้เห็น...แล้ววันนั้นโลกของเราก็จะต้องถูกเผาผลาญด้วยไฟบรรลัยกัลป์*



หมายเหตุ: บทความนี้ ทางผู้จัดทำบล็อกได้ทำการคัดลอกมา แล้วได้นำมาเสนอแก่ท่านผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต มิได้ทำการเขียนบทความเหล่านี้ขึ้นมาเอง โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน

เตือนภัยพิบัติ
"กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันเวลา 11:11

คำทำนายวันเวลาที่ 11-11
โดย อ.ปริญญา ตันสกุล


จักรวาลได้เผยให้มนุษย์ได้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันแห่งหายนะซึ่งจะชำระโลกสถานหนักคือวันเวลาที่ 11-11

ดวง อาทิตย์ดวงใหญ่นอกระบบเอกภพ พร้อมด้วยดวงจิตจักรวาลจำนวนมาก จะร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานความรักความถี่สูงพร้อมไอเย็นมายังดวงอาทิตย์ ของระบบสุริยะ เพื่อสร้างปฎิกิริยาให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุด ในรอบหนึ่งหมื่นสองพันปีแผ่กระจายออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นพายุสุริยะมุ่งสู่ดวงจันทร์และโลก ด้วยอัตราความเร็ว 1 หนึ่งล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นกัน จะเป็นผู้นำทางให้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เข้มข้นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

ทันที ที่ดวงจันทร์ได้รับคลื่นพลังงานที่เข้มข้น ซึ่งแผ่ผ่านมาจากดวงอาทิตย์ พลังงานภายในระบบของดวงจันทร์จะถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้น ยิ่งกว่าที่ถูกส่งมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ มันจะดันทะลุจากด้านหนึ่งของดวงจันทร์ที่รับคลื่นพายุสุริยะ พุ่งผ่านมายังดาวโลกอีกทอดหนึ่ง ระหว่างเกิดกระบวนการนี้สามารถจะรับรู้แรงสั่นสะเทือนทางกายภาพของดวงจันทร์ ได้ไม่น้อย

พายุแม่เหล็กทั้งที่เดินทาง มาจากดวงอาทิตย์โดยตรง และจากการเสริมพลังของดวงจันทร์บริวารของโลกมีความเข้มข้นสูงมากกว่าปรกติ ส่วนใหญ่จึงสามารถฝ่าแนวแม็กนิโตสเฟียหรือสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งห่อหุ้มบรรยากาศโลกเข้ามาได้ เมื่อพายุจากฟ้าพุ่งผ่านเข้ามาสู่บรรยากาศโลกได้ มันจะพุ่งตัวเข้าอัดกระแทกกับพื้นโลกในทันที

ปราก ฎการณ์ทางธรรมชาติอันเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการที่เกิดขึ้น จากการกระทำทางเทคนิคต่อดาวเคราะห์โลกจากนอกระบบโลก จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างรุนแรง ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน และพายุฝนฟ้าคะนองบดบังแสงอาทิตย์อยู่ยาวนาน คลื่นทะเลจะปั่นป่วน ภาวะน้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นไปทั่ว ขณะที่สายฟ้าผ่าจะอัดกระแทกมายังพื้นโลกนับครั้งไม่ถ้วน ทุกสิ่งที่ถูกอัดกระแทกมันจะพังทลายลงมากองกับพื้นดินชั่วพริบตาเดียว ไม่ละเว้นแม้แต่สิ่งที่มีชีวิตที่จะต้องล้มลงกับกองเถ้าถ่าน ของซากปรักหักพังเหล่านั้น ผู้ที่เคยสบถสาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย แต่ไร้สัจจะพึงระวังตนให้ดี

นอกจากนั้น ผลการกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลก ยังจะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศกลายเป็นพายุหมุนทอร์นาโดรูปกรวยยักษ์ พุ่งเข้ากระแทนพื้นโลกอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน มันจะกวาดชำระทุกสิ่งในเส้นทางการเคลื่อนตัวของมันให้กลายเป็นพื้นที่ราบ ตามอำนาจความรุนแรงของมันดังที่มนุษย์รู้กันอยู่ภายในชั่วพริบตาเดียว เหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้ มันจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ผู้ไม่ประมาทและมีสติเท่านั้น จึงจะมีชีวิตรอดได้ ในท่ามกลางความเลวร้ายที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์โลกไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล อันเป็นปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่กล่าวนี้ไปได้

ดิน แดนที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักรบแห่งแสงสว่าง ผู้ปฎิบัติตนอยู่ในความดีงามตามคำสอนของพระศาสดาแท้จริงเท่านั้น จะเป็นดินแดนปลอดภัยบนโลกใบนี้หลังจากที่โลกเกิดภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง จนถึงการชำระโลกครั้งสุดท้าย พื้นแผ่นดินเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้จะเป็นอาณาเขตแห่งหายะภัยที่มนุษย์โลกคาด ไม่ถึง ในวันเวลาที่ 11 นั้นวันเวลาดังกล่าว การกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลกและการกระทำทางเทคนิคจากในระบบโลกเอง มันจะเกิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่ เหล็กความถี่สูงที่เป็นพลังเย็นในระดับ 7 จะถูกส่งผ่านเข้ามาพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย มันจะก่อให้เกิดพายุความเย็นจัดอย่างรุนแรงครอบคลุมไปทั่วเป้าหมายนั้น ขั้วโลกเหนือและขั้นโลกใต้จะปั่นป่วนแนวแกนแม่เหล็กโลกในใจกลางโลก จะเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงขึ้นพร้อมกัน เพราะมันถูกกระตุ้นให้เกิดการระเบิดขึ้นบริเวณของไหลที่อยู่ด้านบน เพื่อเปลี่ยนทิศทางของแนวแกนไปสู่ตำแหน่งที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

มัน จะทำให้แผ่นดินใหญ่ของทวีปซึ่งมีมหาสมุทรคั่นกลาง เกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย ขณะที่โลกจะปลดปล่อยคลื่นพายุแม่เหล็กออกมาอย่างรุนแรง อันเกิดจากการระเบิดภายในนั้นโดยมันจะรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่ เหล็กที่เข้มข้น ดันทะลุผ่านชั้นเปลือกโลกแต่ละชั้นขึ้นมายังพื้นผิวดิน ทำให้แต่ละชั้นของเปลือกโลกซึ่งกำลังบิดตัวอยู่จะถูกคลื่นพลังงานอันมหาศาล กระแทกอัดให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ยิ่งกว่าแผ่นดินไหวครั้งใดๆ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากในใจกลางโลกออกมาสู่พื้นผิวด้านบน โดยใช้ระยะเวลาของกระบวนการเพียง 9 นาทีเท่านั้น แต่การสั่นสะเทือนของแผ่นดินจะต่อเนื่องยาวนานร่วม 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ผลที่ปรากฎคือ แผ่นดินบางส่วนของภาคพื้นทวีปจะแยกตัวออกจากกัน ตามรอยร้าวของเปลือกโลกแต่ดั้งเดิมน้ำทะเลจะถาโถมเข้ามาแทนที่ บริเวณที่ราบริมฝั่งทะเลของทวีปนั้นจะจมลงใต้น้ำ ขณะที่บริเวณบางแห่งของเมืองใหญ่ พื้นแผ่นดินจะยุบตัวจมหายลงไปเบี้องล่าง พร้อมวัตถุที่ปลูกสร้างฝุ่นฟุ้งเปลวไฟ หมอกควัน และเสียงกัมปนาทมันจะเกิดขึ้นอื้ออึง ภายในเวลาไม่นานนักความสงบเงียบจะเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากนั้น 3 วันเต็ม ทั้งหมดที่กล่าวไว้ไม่ใช่มายา.....ไม่ใช่มายา.... มันคือกระบวนการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล เพื่อการชำระระบบโลกเป็นครั้งที่ 4 นับแต่มีมนุษย์ดำรงอยู่บนโลกใบนี้

ที่มา:- หนังสือวันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL MBA .,M.S.

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตื่น คิดบำเพ็ญยังไม่สายเกิน (ต่อ)

0 ความคิดเห็น

เวลาคับขัน เตรียมอะไร?

1.เตรียมใจที่สะอาดบริสุทธิ์
2.เตรียมกายให้สะอาดบริสุทธิ์ (ทานเจ)
3.เตรียมมหาเมตตาให้เต็มเปี่ยม
4.เตรียมขนเวไนย์
5.เตรียมมันสมองที่ปราดเปรื่อง พลังกายที่แข็งแรง
6.เตรียมความกล้าบรรจุให้เต็ม

คัมภีร์กัปสุดท้าย

พระโพธิสัตว์กวนอิมได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดีความชั่วที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ก็ทรงพิโรธยิ่งนักและกล่าวติเตียนเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า

"เสียแรงเปล่า! ที่ชาวโลกพากันจุดธูปบูชากราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้ ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจหยาบช้า ผู้คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลือ ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการลงโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันหลายปี เพื่อกำราบคนชั่วช้าสามานย์และเปลี่ยนจิตใจชาวโลกเสียใหม่!"

ในเวลานั้น บรรดาทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอน แม้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งทะเลทักษินก็ทรุดพระวรกายหมอบลงกราบทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลก พระองค์ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า

"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก !"
"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก !"
"ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ ผู้ดีงามควรคัดออก !"

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า

"ดี ชั่ว สองฝ่ายแยกกัน !"
"ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด"
"ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น"
"และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้ายดังต่อไปนี้..."

(ตอนนี้จะขอข้ามไปนะครับ รวมแล้วจะกล่าวถึงลักษณะกรรมชั่ว 54 ข้อที่ใครทำแล้วจะถูกกวาดล้าง)

" นี่คือ 54 ข้อกรรมชั่ว ที่ผู้ใดประพฤติผู้นั้นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบ ไม่ให้เหลือไว้ในโลก"

"ข้าฯ มีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจ ยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงวอนร่ำไห้ให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัยทั้งหลาย"

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บันทึกโองการแห่งฟ้า และพระโอวาทจากพระแม่องค์ธรรม ถึงลูกๆทุกคน

ศิลาจารึกโบราณ 700 ปี บันทึกโองการแห่งฟ้า และพระโอวาทจากพระแม่องค์ธรรมถึงลูกๆทุกคน

ปลายวาระ ๓ มหัตภัยใหญ่
บัญชาเปิดประตูฟ้า
ถ่ายทอดวิถีธรรมสู่ครัวเรือน
เร่งตามหาผู้มีบุญ
กลับคืนเบื้องบน"

หลักฐานโองการสวรรค์ จากศิลาจารึกโบราณของพระเจ้าอโศกมหาราช บันทึกไว้มีอายุกว่า 700 ปี จารึกเป็นตัวอักษรจีน ต้องอ่านจากด้านในสุด วนตามเข็มนาฬิกา(คล้ายก้นหอย) กล่าวถึงโองการสวรรค์กำหนดฟ้า...กาลนี้ยุคขาวได้เข้าเกณฑ์กำหนด จึงบัญชาให้พระศรีอารีย์ปกครองธรรมกาล กงฉันรับงานแพร่ธรรม ร่วมกันเก็บงานในขั้นสุดท้าย กอบกู้สามโลก



- ช่วยสัตว์โลกได้พ้นจากวายุ อัคคีภัย
- รวบรวมศาสตร์ทั้งหลายให้คืนสู่หลักธรรมเดียวกัน
- ชุมนุมทุกลัทธินิกายศาสตร์ บรรจบพบกันในยุคสาม

เหล่าพุทธสิ่งศักดิ์ ลงจากแดนพุทธภูมิ มาหนุนช่วยธรรมะ ธรรมกาลยุคขาว ลงจะมาพร้อมภัยพิบัติ เป็นการเก็บงานครั้งสุดท้าย 60,000 ปี มีครั้งเดียว สายทองของธรรมะจะแผ่ปกคลุมอย่างกว้างขวาง ลงสู่ครัวเรือนและสามารถบรรลุธรรมได้ในแบบ"ฆราวาส"หมายถึงการไม่ต้องละทิ้งครอบครัว สามารถดูแลพ่อแม่ได้ เพื่อให้โอกาสมนุษย์ได้ ตื่นรู้ในธรรม ความเที่ยง มีความสว่างใสบริสุทธิ์ ซึ่งมีในตน และกลับคืนสู่ต้นกำเนิดได้ โดยการบำเพ็ญทั้งภายในและภายนอกให้เกิดสติปัญญาและไม่ก่อกรรมเพิ่ม หรือเรียกว่าการ "บำเพ็ญกึ่งปุถุชนกึ่งอริยะ" (เหมือนการมาปูพื้นฐานเตรียมงานไว้ก่อนที่พระศรีอารีย์จะลงมารับหน้าที่บนโลกมนุษย์(ครองธรรมกาล) หลังจากผ่านช่วงเวลา 60,000 ปี มาแล้ว ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว 700-800 ปี

(ช่วงเวลานี้ตรงกับ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล พอดีครับ คือ 60,800 ปี )

1.ธรรมกาลยุคเขียว (อมิตพุทธ)ใช้สัญญลักษณ์"ใบบัวสีเขียว"โดยมีพระพุทธทีปังกร-->ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่มพระราชา,กษัตริย์ เรียกว่าเป็น "เวลาแห่งความรุ่งเรืองของพุทธจิต"ได้พุทธบุตรสองร้อยล้าน พ้นเวียนว่ายได้ นิพพาน

2.ธรรมกาลยุคเแดง ใช้สัญญลักษณ์"ดอกบัว"โดยมีพระศากยมุนีพุทธเจ้า-->ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่มนักบวช เรียกว่าเป็น "ความเบ่งบานของพุทธจิต" ได้ฉุดช่วยพุทธบุตรได้อีก สองร้อยล้าน กลับคืนนิพพาน 3,000-5,000 ปี

3.ธรรมกาลยุคขาว ใช้สัญญลักษณ์ "รากบัวสีขาว"โดยมีพระศากยมุนีศรีอารยเมไตรย จิตแห่งเมตตาที่เปี่ยมด้วยความรัก ธรรมะถ่ายทอดรุ่งเรืองอยู่ในกลุ่ม ฆราวาส เรียกว่าเป็น "เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวพุทธจิต" 10,800 ปี ยังคงเหลือ เก้าพันสองร้อยล้าน ยังหลงทะเลทุกข์ สายธรรมจะปรกโปรดอย่างกว้างขวางสู่สามัญชนทั่วไป

(ก่อนหน้านั้นมีพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ลงมาดูแลโลก และอีก 3 องค์หลังลงมาเก็บงานขั้นสุดท้ายบนโลกมนุษย์..)

ยุคนี้ถือเป็นยุคขาว แต่เป็นยุคที่ยังไม่เต็มที่หรือพร้อมสมบูรณ์ เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุคแดงกับยุคขาว (เนื่องจากผ่านรอบ 60,000 ปีมาแล้ว) ยุคนี้เป็นเวลาแห่งการแยกขาวออกจากดำ มีการสะสางเกิดเภทภัยมากมายไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท หรือคิดว่าผลกรรมมีน้อย ต้องเร่งรีบบำเพ็ญสร้างกุศลกันให้มากขึ้น

"อนุตรธรรม" มิใช่ศาสนาหรือลัทธิศาสตร์ใดๆ แต่เป็นสัจธรรมของฟ้าดิน เป็นธรรมชาติอันเที่ยงแท้ เป็นหลักหรือรากฐานของทุกชีวิต เพื่อการบำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นได้โดยตรง หรืออย่างน้อยก็มิให้จิตใจหลงใหลเสื่อมทรามลง

ในวงการธรรมะ เรื่องราวหลักฐานเหล่านี้มีมากมาย ได้รวบรวมไว้เพืยงส่วยน้อยนิด เพียงเพื่อให้เป็นเครื่องสะกิด ให้ท่านทั้งหลายได้ตื่นใจเร่งบำเพ็ญ และมีปณิธานแห่งนิพพาพกันมากขึ้นครับ...

ขอน้อมกราบอัญเชิญพระโอวาท ที่มาเกี่ยวกับกาลนี้เพื่อส่งเสริมแก่กัน...
พระอนุตตรธรรมมารดาเจ้าสิบบัญญัติ ประทานเมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส๊ง ตรงกับวันที่ 7 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2484

ข้อความดั้งเดิมในภาษาจีน พระอนุตรธรรมมารดา ได้โปรดประธานเป็นพระอักษร ให้ปรากฎขึ้นในกระบะทราย ณ พุทธสถาน จิงอี
"พระอนุตรธรรมมารดา" หมายถึงธรรมอุทร หรืออุทรธรรมแห่งพระผู้สร้าง อนุครธรรมเจ้า พระองค์ธรรมชาติ พระแม่องค์ธรรม ฯลฯ

รายงานแผ่นดินไหวทั่วโลก




รายงานแผ่นดินไหวภายในประเทศและใกล้เคียง