ร้อนอีกเเค่ 6 องศา...โลกาก็วินาศ!!
"อุณหภูมิ 6°C
เปลี่ยนแปลงโลกได้" หรือ "Six Degrees Could Change the World"
เป็นภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “มาร์ค ไลนัส” (Mark Lynas)
ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษ เจ้าของหนังสือ “ซิกซ์ ดีกรี” (Six Degrees)
ซึ่งได้ค้นคว้าบทความวิทยาศาสตร์หลายหมื่นชิ้นเพื่อเผยให้โลกเห็นความน่า
กลัวของมหันตภัยที่คืบคลานมากับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอีก 100 ปีข้างหน้า
ภาพที่ปรากฏออกมาตลอด 2 ชั่วโมงของ "6 องศาเปลี่ยนแปลงโลกได้"
จึงเริ่มตั้งแต่การกล่าวถึงสัญญาณเตือนภัยเบื้องต้นที่โลกประสบแล้ว เช่น...
• ในทวีปออสเตรเลียที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
• หรือแม้แต่ภัยพิบัติจากเฮอริเคน “แคทรินา” เมื่อปี 2548
ที่ทำลายบ้านเมืองในมลรัฐนิวออร์ลีน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งแม้จะดูร้ายแรงมาก ทว่าแคทรินาก็ยังเป็นแค่พายุที่มีความรุนแรงระดับ 3
เท่านั้น
• ขณะเดียวกันในฟากเมืองผู้ดี “อังกฤษ”
ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรครั้งใหญ่เนื่องจากสภาพอากาศที่
ร้อนขึ้น พืชที่ไม่เคยปลูกได้ในอังกฤษอย่างองุ่นและมะกอกกลับชูช่องดงาม
======
สารคดีดังกล่าวบอกเราด้วยว่า ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม อุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นแล้ว 0.6-0.8 องศาเซลเซียส
ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวกำลังคืบคลานติดตามมา สารคดีนี้จำลองภาพให้เห็นว่า...
• เมื่ออุณหภูมิยังเพิ่มขึ้นอีก 1 องศาเซลเซียสเมื่อใด...
- บ้านเรือนผู้คนในเขตอ่าวเบงกอลอาจต้องจมอยู่ใต้น้ำ
- มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้จะถูกพายุเฮอริเคนโจมตีอย่างหนัก
- พื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ที่อาจต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นทะเลทราย
======
• ส่วนอุณหภูมิที่เขยิบขึ้นเพียง 2°C ก็เลวร้ายเพียงพอทำให้มหานครหลายแห่งทั่วโลกจมอยู่ใต้น้ำ หนึ่งในนั้นคือ... “กรุงเทพมหานคร”
รวมทั้งหมีที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือจะตกอยู่ในภาวะคับขันเพราะธารน้ำแข็งหดหายไป
นอกจากนั้น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มถึงจุดนี้ แนวปะการังใหญ่ "เกรต แบริเออร์ รีฟ" ของออสเตรเลียอาจเหลือเพียงความทรงจำ
และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ที่ชื่อ “จาคอบชวาน” (Jacobshavn)
ก็จะละลายเร็วขึ้นกว่าปัจจุบันที่มีอัตราการละลายตัวของน้ำแข็งอย่างน่าตกใจ
เพราะเพียง 2 วันก็มีปริมาณน้ำที่เกิดขึ้นเพียงพอให้ชาวนิวยอร์กดื่มกินและใช้ในชีวิตประจำวันได้มากถึง 1 ปีทีเดียว
======
• ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น 3°C คือ... น้ำแข็งบนภูเขาแอลป์จะสูญหายไปทั้งหมด
โลกจะเผชิญหน้ากับพายุเฮอริเคนความแรงระดับ 6 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกจะต้องพลิกโฉมหน้าไปสิ้นเชิง
======
• เมื่อโลกร้อนขึ้น 4°C
ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่าง ๆ
จะมีระดับเพิ่มสูงขึ้นจนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร
ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีประชากรหนาแน่น
เมืองแห่งแม่น้ำลำคลองอย่าง “เวนิส” รวมไปถึงมหานครสัญลักษณ์ของ “อำนาจทุนนิยม” อย่าง “นิวยอร์ก” จะจมอยู่ใต้บาดาล
ไม่เพียงเท่านี้ แม่น้ำคงคาที่เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตของคนกว่าพันล้านคนในจีน อินเดีย และเนปาลจะเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก
เนื่องจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลายลงมาจนหมดอย่างถาวร กระทบถึงแหล่งน้ำสะอาดและแหล่งผลิตอาหารอย่างฉกาจฉกรรจ์
======
• จากนั้น...เมื่อโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 5°C
มหานครของโลกอย่างลอสแองเจลลิส กรุงไคโร ลิมา
และบอมเบย์ที่เคยปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งในบางช่วงเวลาอาจจะกลายเป็นเมือง
ที่ไม่มีหิมะอีกเลย
อีกทั้งจะมีผู้ลี้ภัยเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงหลายสิบล้านคนและยัง
มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดความขัดแย้งในการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติที่ขาด
แคลนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
======
และในท้ายที่สุด
หากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นถึง 6°C
โลกของเราจะมีสภาพคล้ายคลึงกับยุคครีเตเซียสเมื่อประมาณ 65-144 ล้านปีก่อน
ซึ่งโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าปัจจุบันมาก
น้ำทะเลจะมีสีใสเพราะไม่มีสารอาหารในทะเลหลงเหลืออยู่เลย
ทะเลทรายจะครอบครองพื้นโลกมากขึ้นตามทวีปต่าง ๆ
และการเกิดภัยพิบัติจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
======
หากเรายังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างไม่มีขีดจำกัด
อาจทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นถึง 6°C ภายในปี 2643 หรืออีก 86
ปีข้างหน้านี้เท่านั้น ...
เชิญชมสารคดีได้ที่ Link นี้
http://youtube.com/watch?v=Ua1liwLWLPs&desktop_uri=%2Fwatch%3Fv%3DUa1liwLWLPs
======
Credit : กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ค้นหาอะไรก็เจอ
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภัยพิบัติ